เมนู

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ
จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
5. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม
ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรมที่เป็น
สัมปยุตตธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
6. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม
และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอํานาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย อาสวธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
7. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.

2. อารัมมณปัจจัย


[344] 1. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ
ของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

2. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม
ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม
ย่อมเกิดขึ้น.
3. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรม
ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรมทั้งหลาย อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
4. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่
ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรคแล้ว พิจารณามรรค พิจารณาผล
พิจารณาพิพพาน.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่
อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ฯลฯ
กิเลสทั้งหลายที่ข่มแล้ว ฯลฯ รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่
อาสวธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
บุคคลเห็นด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วย
เจโตปริยญาณ.
อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ, อากิญ-
จัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ.
รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็น
ปัจจัยแก่กายวิญญาณ.
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่
เจโตปริยญาณ, แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ แก่
อนาคตังสญาณ, แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
5. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม
ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทานแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งทานนั้น
เพราะปรารภทานนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ฌาน ฯลฯ
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์
ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น อาสวธรรมทั้งหลาย
ย่อมเกิดขึ้น.
6. ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม
และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ทาน ฯลฯ มีอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีตอนที่สอง.

บุคคลย่อมยินดีย่อมเพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่อาสวธรรม
เพราะปรารภขันธ์ทั้งหลายนั้น อาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อม
เกิดขึ้น.
7. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น
ปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาสวธรรม
ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
8. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่
อาสวธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
9. อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เป็น
ปัจจัยแก่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม ด้วยอำนาจของ
อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภอาสวธรรม และสัมปยุตตขันธ์ อาสวธรรม และ
สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

3. อธิปติปัจจัย


[345] 1. อาสวธรรม เป็นปัจจัยแก่อาสวธรรม ด้วยอำนาจ
ของอธิปติปัจจัย